การประเมินผลโครงการประชาสัมพันธ์แรงงานต่างด้าว ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561

Abstract

การประเมินผลโครงการประชาสัมพันธ์แรงงานต่างด้าว ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 นี้ เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ โดยมีแบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล จากกลุ่มเป้าหมายจำนวน 1,214 คน จำแนกเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ ผู้ประกอบการ จำนวน 187 คน แรงงานต่างด้าว (เมียนมา ลาว กัมพูชา) จำนวน 543 คน และกลุ่มเป้าหมายรอง คือ ประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 26-50 ปี จำนวน 316 คน และประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 51 ปีขึ้นไป จำนวน 194 คน ทั้งนี้ได้เก็บรวบรวมข้อมูลในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน พ.ศ. 2561 ประสิทธิผลของโครงการประชาสัมพันธ์แรงงานต่างด้าวดังกล่าวนี้ จะถูกประเมินจาก 5 ด้าน ประกอบด้วย 1) ด้านการรับรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าว 2) ด้านความเข้าใจในข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าว 3) ด้านความเชื่อมั่นในข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าว 4) ด้านการนำข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าวไปใช้ประโยชน์ และ 5) ด้านการมีส่วนร่วมในการนำแรงงานต่างด้าวเข้าสู่ระบบการจ้างงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ผลการประเมินพบว่า ผ่านเกณฑ์ทั้งหมด 4 ด้าน คือ ด้านความเข้าใจในข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าวที่ร้อยละ 75.10 ด้านความเชื่อมั่นในข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าวที่ร้อยละ 76.78 ด้านการนำข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าวไปใช้ประโยชน์ที่ร้อยละ 72.45 และด้านการมีส่วนร่วมในการนำแรงงานต่างด้าวเข้าสู่ระบบการจ้างงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายที่ร้อยละ 68.90 ทั้งนี้ไม่ผ่านเกณฑ์ 1 ด้าน คือ ด้านการรับรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าวที่ร้อยละ 75.27 อย่างไรก็ตามแม้ผลการประเมินจะไม่ผ่านเกณฑ์ แต่ผลการประเมินสูงขึ้นกว่าปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ซึ่งแสดงว่า มีการรับรู้เพิ่มขึ้น การรับรู้ในข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าว พบว่า ประเด็นที่กลุ่มเป้าหมายรับรู้สูงที่สุด คือ การจดทะเบียนแรงงานต่างด้าว รองลงมา คือ ปัญหาเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย ผลกระทบที่เกิดจากปัญหาที่เกี่ยวข้องกับแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ การดำเนินงานของภาครัฐในการแก้ไขปัญหา ที่เกี่ยวข้องกับแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ และปัญหาการค้ามนุษย์ ตามลำดับ ความเข้าใจในข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าว พบว่า ประเด็นที่กลุ่มเป้าหมายเข้าใจ สูงที่สุด คือ การจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวสามารถดำเนินการได้ที่ศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) รองลงมา คือ การประชาสัมพันธ์ให้แรงงานต่างด้าวมาจดทะเบียนหรือการคุ้มครองแรงงานต่างด้าว เป็นการดำเนินงานของภาครัฐในการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ แรงงานต่างด้าวในไทยสามารถประกอบอาชีพได้บางอาชีพเท่านั้น การที่แรงงานต่างด้าวเปลี่ยนงานโดยไม่บอกนายจ้างหรือทำงานข้ามเขตพื้นที่จดทะเบียน ถือเป็นปัญหาแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย ปัญหาการแย่งอาชีพ การขโมยทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับแรงงานต่างด้าว อาจส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศได้ หากแรงงานต่างด้าวหยุดงานหรือประท้วง อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทย และการมีขบวนการขอทานข้ามชาติเข้ามาขอทานในประเทศไทย ผู้หญิงค้าประเวณี การใช้แรงงานเด็ก ถือเป็นปัญหาการค้ามนุษย์ ตามลำดับ ความเชื่อมั่นในข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าว พบว่า กลุ่มเป้าหมายเชื่อมั่นว่า ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าวจากภาครัฐมีความถูกต้องสูงที่สุด รองลงมา คือ เชื่อมั่นว่า มีความรวดเร็ว และเชื่อมั่นว่า มีความเป็นกลาง ตามลำดับ การนำข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าวไปใช้ประโยชน์ พบว่า ประเด็นที่กลุ่มเป้าหมายนำไปใช้ประโยชน์สูงที่สุด คือ แจ้งเบาะแสไปยังหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง หากพบเจอปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ รองลงมา คือ การสนับสนุนให้แรงงานต่างด้าว มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและสามารถอยู่ร่วมกับคนในสังคมอย่างสงบสุข การสนับสนุนให้มีการจัดระบบการบริหารจัดการที่ดีเกี่ยวกับเรื่องของแรงงานต่างด้าว การแนะนำผู้อื่นเกี่ยวกับแนวปฏิบัติทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับเรื่องแรงงานต่างด้าวได้ การคอยเฝ้าระวังเกี่ยวกับปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ และการแนะนำผู้อื่นเกี่ยวกับกฎระเบียบเบื้องต้นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของแรงงานต่างด้าวได้ ตามลำดับ การมีส่วนร่วมในการนำแรงงานต่างด้าวเข้าสู่ระบบการจ้างงานอย่างถูกต้อง พบว่า กลุ่มเป้าหมายมีส่วนร่วมในเรื่องของการติดตามข่าวสารเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าวผ่านสื่อต่าง ๆ สูงที่สุด รองลงมา คือ การชักชวนผู้อื่นเข้าร่วมกิจกรรมเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าวที่หน่วยงานต่าง ๆ จัดขึ้น และการเข้าร่วมกิจกรรมเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าวที่หน่วยงานต่าง ๆ จัดขึ้น ตามลำดับ

The assessment of 2018 migrant worker publicity project is a survey research. Data are collected, using the questionnaire. The population consists of 1,114 samples, divided in two groups: main and subsidiary. The main target group consists of 187 business operators and 543 migrant workers (Myanmar, Lao, and Cambodian), while the other subsidiary group comprises 316 people aged between 26 and 50 years and 194 people older than 50 years. Data were collected during May and June 2018. The effectiveness of the project is assessed in five areas. The finding reveals that it has met the criteria in four areas: 1) understanding of the information about migrant workers at 75.10%, 2) confidence in such information at 76.78%, 3) application of the information at 72.45%, and 4) participation in the introduction of foreign migrant workers to the regular employment system at 68.90%. The unsuccessful area is in the exposure to the information on migrant workers at 75.27%. Nevertheless, despite the result, the assessment shows a higher performance compared to the previous year. With regard to the exposure to the information about migrant workers, it is found that the issue to which the target groups have the highest exposure is registration of migrant workers, followed by problems facing illegal migrant workers, impacts from problems relating to migrant workers and human trafficking, work undertaken by the public sector to solve problems about migrant workers and human trafficking respectively. A consideration on the understanding about the information on migrant workers shows that the issue that the target groups have the most understanding about is that migrant worker registration can be made at Ministry of Labor’s One Stop Service Center. This is followed by the publicity whereby migrant workers are encouraged to register and seek labor protection, an attempt by the public sector to solve problems relating to migrant workers and human trafficking. Other issues that follow respectively are: migrant workers in Thailand are allowed to do only certain kinds of jobs, migrant workers who change jobs without telling their employees or work outside the registration areas are considered illegal, migrant workers who take away jobs normally done by Thai workers and those who steal can be considered threats to national security, that if migrant workers lay down tools or go on strike such action may affect Thailand’s overall economy, and there is a growing regional phenomenon of organized begging, prostitution, and child labor, a phenomenon viewed as part of human trafficking. The finding on the confidence in the information about migrant workers yields that the target samples have the most confidence in the information from the public sector with regard to its accuracy, followed by speed and objectivity respectively. As to the application of the information about migrant workers, it is found that the issue most useful to the target groups is how to notify the public sector when they encounter problems concerning migrant workers and human trafficking. This is followed by attempts to promote migrant workers’ quality of life and peaceful coexistence with others in society, promotion of good management practice/system regarding migrant workers, ability to advise others on general guidelines on migrant workers, monitoring of problems relating to migrant works and human trafficking, and ability to advise others about preliminary rules and regulations regarding migrant workers respectively. A study on the participation in the introduction of migrant workers to the regular employment system reveals that the target groups show the highest participation in keeping up with the information about migrant workers through various media, followed by encouraging others to participate in migrant-worker-related activities organized by various agencies and participating in the events themselves respectively.