สำรวจสถานการณ์เกี่ยวกับการกระทำผิดซ้ำของผู้ต้องขังที่ผ่านกิจกรรมโครงการกำลังใจ
by ศักดิ์ชัย เลิศพานิชพันธุ์
สำรวจสถานการณ์เกี่ยวกับการกระทำผิดซ้ำของผู้ต้องขังที่ผ่านกิจกรรมโครงการกำลังใจ | |
Recidivism Survey of the Inmates participated in the Inspire Project's Activities | |
ศักดิ์ชัย เลิศพานิชพันธุ์ | |
สำนักงานศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ | |
2017 | |
สำนักงานศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ | |
โครงการวิจัยการสำรวจสถานการณ์เกี่ยวกับการกระทำผิดซ้ำของผู้ต้องขังที่ผ่านกิจกรรมโครงการกำลังใจ ในพระดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา มีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อศึกษาสถานการณ์ปัจจุบันด้านการกระทำผิดซ้ำของผู้ต้องขังที่ผ่านกิจกรรมโครงการกำลังใจฯ ใน 3 รูปแบบกิจกรรมหลัก ในมิติเชิงคุณภาพเป็นตัวหลัก และเพื่อศึกษาแนวทางในการจัดกิจกรรมของโครงการกำลังใจฯ เพื่อนำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเชิงบวกและแก้ไขฟื้นฟูผู้ต้องขังอย่างเหมาะสม ในบริบทของผู้ต้องขังที่ผ่านโครงการกำลังใจฯ 3 รูปแบบกิจกรรมหลัก อันประกอบด้วย 1. โครงการแม่และเด็กภายใต้โครงการกำลังใจในพระดำริฯ ทัณฑสถานหญิงกลาง และทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ 2. โครงการกำลังใจเชิงลึก ได้แก่ โครงการเรื่องเล่าในแดนประหาร และโครงการปั้นดินให้เป็นบุญ เรือนจ้ากลางบางขวาง 3. โครงการศึกษาแนวทางพัฒนาทางเลือก AD (Alternative development) ในเรือนจ้าชั่วคราวดอยราง วิธีการศึกษาเป็นการศึกษาวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) โดยใช้กระบวนการทบทวนวรรณกรรมเอกสาร ตำราทางวิชาการ รวมถึงการสังเคราะห์รายงานการวิจัยที่เกี่ยวข้อง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ การสัมภาษณ์เชิงลึกกลุ่มผู้ต้องขังที่กระท้าผิดซ้ำ ผู้บริหารหรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง การประชุมกลุ่มย่อย (Focus Group) ผู้ปฏิบัติงานและบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ผลการศึกษา พบว่า โครงการกำลังใจฯ ในเรือนจำ/ทัณฑสถานของกรมราชทัณฑ์นับเป็นโครงการที่ถือเป็นงานประจ้าของกรมราชทัณฑ์ โดยได้เพิ่มเติมการพัฒนาคุณภาพชีวิต การอำนวยความสะดวกให้ผู้ต้องขังมากขึ้นในพื้นที่ดำเนินการ โดยเฉพาะในเรื่องการดูแลแม่และเด็ก รวมถึงการปฏิบัติงานตามข้อกำหนดกรุงเทพฯ (Bangkok Rules) ปัจจุบันมีหน่วยงานพิเศษที่ดูแลด้านแม่และเด็กมีการพัฒนางานและความรับผิดชอบนอกจากด้านแม่และเด็กให้รวมไปถึงเรื่องของผู้สูงอายุ ผู้พิการ มีการทำงานกำลังใจเชิงลึก ณ เรือนจำบางขวางที่มีความมั่นคงสูง ทั้งยังมีการนำแนวคิดโครงการเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ในการปรับเปลี่ยนความคิดของผู้ต้องขังในเรือนจำเปิดอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องขังจากเรือนจำ/ทัณฑสถานที่มีโครงการกำลังใจฯ ดำเนินการจำนวน 22 แห่งใน 17 พื้นที่ และกลับสู่สังคมมีการกระทำผิดซ้ำอยู่ในอัตราที่ต่ำเพียงร้อยละ 10.16 เมื่อเทียบกับอัตราการกระทำผิดซ้ำรวมทั่วประเทศ อยู่ที่ร้อยละ 23.74 สาเหตุแห่งการกระทำผิดซ้ำ เนื่องจากการกลับไปสู่สิ่งแวดล้อมเดิม พบเพื่อนกลุ่มเดิมของผู้ต้องขังที่พ้นโทษออกไป เนื่องจากต้นทุนชีวิตผู้ต้องขังส่วนใหญ่มาจากครอบครัวยากจน ทุนทางเศรษฐกิจและทุนทางสังคมต่ำ ครอบครัวขัดแย้งแตกแยก ใช้ความรุนแรง และการกระท้าผิดซ้ำ ส่วนใหญ่มักเป็นคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด คนในครอบครัวเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ผู้ต้องขังมักขาดการสร้างภูมิคุ้มกันในชีวิต และขาดทักษะชีวิตในการเผชิญกับความเปลี่ยนแปลง และการช่วยเหลือผู้พ้นโทษให้มีงานท้ายังไม่สมบูรณ์นัก แต่กิจกรรมโครงการกำลังใจก็ได้สร้างภูมิคุ้มกันให้ผู้ต้องขังได้ดีพอสมควรในการปรับพฤติกรรมตนเอง ปัจจัย
ที่จะทำให้ผู้ต้องขังยับยั้งชั่งใจได้คือ “ สิ่งแวดล้อม ความเชื่อ และการศึกษา” โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำให้ผู้ต้องขังมีทักษะในการดำรงชีวิตที่ดี และเห็นคุณค่าในตนเอง ผ่านการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ในโครงการ สิ่งสำคัญคือควรจะต้องมีกระบวนการติดตามช่วยเหลือผู้ต้องขังหลังการปล่อยอย่างต่อเนื่อง โดยความร่วมมือจากหน่วยงาน ภาคีเครือข่าย การท้างานกับครอบครัวในเชิงลึกเพื่อให้สามารถท้าหน้าที่เหนี่ยวรั้งในเวลาฉุกเฉิน |
|
ผู้ต้องขัง
โครงการกำลังใจ ทัณฑสถานหญิง |
|
บทความ | |
Text | |
application/pdf | |
tha | |
เอกสารฉบับนี้สงวนสิทธิ์โดยสำนักงานศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ห้ามทำซ้ำ คัดลอก หรือนำไปเผยแพร่ตัดต่อโดยมิได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร | |
สงวนสิทธิ์ในการเข้าถึงเฉพาะบุคลากรของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ | |
สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม | |
https://repository.turac.tu.ac.th/handle/6626133120/481 |
แฟ้มในรายการข้อมูลนี้ (CONTENT) |
|
ดู no fulltext.doc ( 21.50 KB ) |
This item appears in the following Collection(s) |
|
กลุ่มข้อมูล
|