Wind Load Study for Langsuan Building Project by Wind Tunnel Test
by วิโรจน์ บุญญภิญโญ; Boonyapinyo, Virote
Wind Load Study for Langsuan Building Project by Wind Tunnel Test | |
การศึกษาแรงลมของโครงการอาคารหลังสวน โดยการทดสอบในอุโมงค์ลม | |
วิโรจน์ บุญญภิญโญ
Boonyapinyo, Virote |
|
สำนักงานศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ | |
2015 | |
Thammasat University Research and Consultancy Institute | |
This report presents final results for pressure measurement study for cladding design of APW Building by wind tunnel test. The Langsuan Buildings consists of many high-rise buildings, namely, APW, TPV, LPV, APS, and APL. The project is developed on Langsuan Road in Center Bangkok. The APW Building consists of 22-story building with 71.60 m height of top roof, 50.60 m width, and 86.10 m depth. This building has the special characteristics as a) the irregular geometry of the floor area, and b) close spacing of many high-rise buildings. These special characteristics result in pressure distributions significantly different from those specified in the building codes. Accordingly, the wind-tunnel tests are essential to achieve structural designs that are not overly costly and for which the risk of wind damage is realized at the lever chosen for the design All wind-tunnel wind simulation and testing are in conformance with provision of ASCE Manual and Reports on Engineering Practice No. 67, ”Wind Tunnel Studies of Buildings and Structures” and the requirement of the Department of Public Works and Town & Country Planning, Thailand - Standard No. 1311-50, “Wind Loading Calculation and Response of Buildings“. Wind Tunnel Test Procedure The studied building was specially constructed by an acrylic rigid model. The 1:400 scale models of studied building and its surrounding buildings within 400 m radius from the studied building were mounted on a 2-m diameter turntable, allowing any wind direction to be simulated by rotating the model to the appropriate angle in the wind tunnel. The studied building model and its surroundings were tested in a boundary layer wind tunnel where the mean wind velocity profile, turbulence intensity profile, and turbulence spectrum density function of the winds approaching the study site are simulated for urban exposure based on the ASCE7 Standard and ASCE Manual and Reports on Engineering Practice No. 67. In this study, the wind load for cladding design obtained from a wind tunnel test were measured on a direction-by-direction basis for 36 directions at 10-degree intervals, on the 1:400 scale model of the building exposed to an approaching wind. According to the DPT Standard 1311-50 [DPT 2007], the reference velocity pressure, q, for the design of main structure and cladding shall be based on a probability of being exceeded in any one year of 1 in 50 (50-year return period) corresponding to reference wind speed of 25 m/s at the height of 10 m in open terrain. Because the proposed building is located in the urban terrain, the exposure C was applied in this study, and the typhoon factor = 1.0. Then, design wind speed is = 1.0 * 25 = 25 m/s, and corresponding to design wind speed of 21.63 m/s at the 71.60 m equivalent roof height in the exposure C. Recommended Peak Maximum Pressures and Minimum Pressures (Suctions) for Cladding Design The results of predicted peak maximum pressures and peak minimum pressures (negative or suctions) in kPa (1 kPa = 1,000 N/m2) for studied building are presented graphically in Figs. E.1 and E.2 of Appendix E, respectively. In addition, the results of recommended peak maximum pressures and peak minimum pressures (negative or suctions) in kPa for cladding design of walls of studied building are presented graphically in Figs.4.1 and 4.2 of chapter 4, respectively, and shown in executive summary for convenient as Figs 1 and 2. The recommended peak maximum pressures are generally in the range of 250 to 1,000 N/m2 (0.25 kPa to 1.00 kPa) and in range of 1,000 to 1,250 (1.00 kPa to 1.25 kPa) in some area. The recommended peak minimum pressures (negative or suctions) are in the range of 500 to 1,000 N/m2 (0.50 kPa to 1.00 kPa) in most part of the tower and in the range of 1,250 to 2,000 N/m2 (1.25 kPa to 2.00 kPa) in some areas of edge zones. The largest peak maximum pressure and peak minimum pressures (negative or suctions) are 1,180 and 1,914 N/m2, respectively. It is found that the largest peak maximum pressure was observed at the pressure tap I45 at the level of 60.23 m and the largest minimum pressure (negative or suction) occurred at the pressure tap F21 at the level of 37.99 m. When comparisons of the wind tunnel test results with the ASCE7 standard, it was found that: 1) The local peak maximum pressures in most parts obtained from wind tunnel test agree fairly in general with those based on the ASCE7 standard. The local peak maximum pressures in some areas obtained from wind tunnel test are moderately higher than those based on the ASCE7 standard.2) The local peak minimum pressures in most parts obtained from wind tunnel test agree fairly in general with those based on the ASCE7 standard. 3) The local peak minimum in some areas including edge zone obtained from wind tunnel test are moderately to significantly higher than those based on the ASCE7 standard. The difference in pressure and suction patterns and peak maximum and minimum pressures between the wind tunnel test and the ASCE7 standard results from the interference effects of surrounding buildings and the irregular shape of the studied buildings. Therefore, the wind tunnel test of the studied building is essential to achieve the building safety and reduction in the risk of wind damage. รายงานฉบับนี้เป็นรายงานฉบับสุดท้ายเรื่อง การศึกษาแรงลมของโครงการอาคารหลังสวน โดยการทดสอบในอุโมงค์ลม: การวัดหน่วยแรงลมของอาคาร APW วัตถุประสงค์ของการศึกษาแรงลมของโครงการอาคารหลังสวน โดยการทดสอบในอุโมงค์ลม มีดังนี้ 1) การศึกษาแรงลมโดยรวมและการตอบสนองของอาคาร ด้วยวิธีการวัดแรงลมที่ฐานอาคารในอุโมงค์ลม เพื่อนำแรงลมไปออกแบบโครงสร้างหลักต้านทานแรงลม และคำนวณอัตราเร่งสูงสุดที่ยอดอาคารภายใต้แรงลม 2) ศึกษาแรงลมเฉพาะที่สำหรับออกแบบผนังภายนอกอาคาร ด้วยวิธีวัดหน่วยแรงลมของแบบจำลองในอุโมงค์ลม เพื่อนำหน่วยแรงลมไปออกแบบกระจกรอบอาคารตามหน่วยแรงลมที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งทำให้ปลอดภัย และประหยัด กล่าวคือบริเวณที่มีหน่วยแรงลมมากก็เสริมกระจกให้มีความหนามากขึ้น ส่วนบริเวณที่มีหน่วยแรงลมน้อยก็ใช้กระจกที่บางลงได้ 3) ศึกษาผลกระทบของแรงลมต่อผู้ใช้และผู้สัญจรรอบอาคาร ด้วยวิธีการวัดความเร็วลมบริเวณอาคารและโดยรอบ ในอุโมงค์ลม เพื่อสร้างความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้และผู้สัญจรรอบอาคาร เช่น บริเวณที่รับส่ง บริเวณทางเดิน ร้านอาหารกลางแจ้ง บริเวณสระว่ายน้ำ เป็นต้น อาคารหลังสวน ที่ศึกษา ประกอบด้วยกลุ่มอาคารหลายอาคาร เช่น APW, TPV, LPV, APS, และ APL. อาคารตั้งอยู่บนถนนหลังสวน อาคาร APW เป็นอาคารสูง 22 ชั้น สูงเทียบเท่า 71.6 ม. รูปทรงคลายตัว W อาคารที่ศึกษาต้องมีการทดสอบต้านทานแรงลม เนื่องจากมีลักษณะดังนี้ 1) อาคารที่มีความสูงและอ่อนตัวมาก 2) อาคารที่มีรูปทรงไม่สม่ำเสมอ ไม่เป็นสี่เหลี่ยม และ 3) สภาพแวดล้อมของอาคารที่ตั้งอยู่ในที่มีอาคารสูงหนาแน่น ลักษณะดังกล่าวข้างต้น ทำให้หน่วยแรงลมที่เกิดขึ้นจริงจะแตกต่างจากการคำนวณโดยใช้มาตรฐานการคำนวณ ดังนั้นการศึกษาแรงลมโดยการทดสอบในอุโมงค์ จึงมีความจำเป็นเพื่อให้ได้อาคารที่แข็งแรง ปลอดภัย และประหยัด เนื่องจากการทดสอบจะได้แรงลมที่กระทำกับรูปทรงอาคารจริงได้อย่างถูกต้อง ภายใต้สภาพแวดล้อมของอาคารจริง รวมถึงการคำนวณการสั่นไหวของอาคารภายใต้แรงลมได้อย่างถูกต้อง เพื่อไม่ให้ผู้ใช้อาคารรู้สึกไม่สบายหรือเกิดอาการวิงเวียน วิธีการทดสอบในอุโมงค์ การทดสอบอาคารสูงทำโดย การสร้างแบบจำลองอาคารที่ทดสอบให้เหมือนจริง และสร้างแบบจำลองสภาพแวดล้อมอาคารที่เหมือนจริงในรัศมี 400 ม. ในอัตราการย่อส่วน 1 ต่อ 400 แล้วนำแบบจำลองมาวางบนพื้นโต๊ะหมุนในอุโมงค์ลม ที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 ม. พื้นโต๊ะหมุนนี้สามารถหมุนได้ 360 องศา หลังจากนั้นเปิดลมแล้ววัดแรงลมที่กระทำกับอาคารโดยรวมที่ฐานอาคาร หรือวัดหน่วยแรงลมเฉพาะที่ที่ผนังอาคาร การทดสอบจะทำการหมุนพื้นโต๊ะหมุนครั้งละ 10 องศา เพื่อศึกษาแรงลมที่กระทำกับอาคารทุกทิศทาง การจำลองลักษณะลมในอุโมงค์ลม ให้เหมือนลักษณะลมในสภาพภูมิประเทศจริง ต้องจำลองลักษณะลมดังนี้ 1. ลักษณะความเร็วลมเฉลี่ยที่แปรเปลี่ยนตามความสูงจากพื้นดิน 2. ลักษณะลมที่แปรปรวน (หรือผันผวน) ในรูปของความเข้มข้นของความแปรปรวน ที่แปรเปลี่ยนตามความสูงจากพื้นดิน และ 3. ค่าสเปกตรัมลมที่แปรปรวน การจำลองลักษณะลมได้อ้างอิงตามมาตรฐาน ASCE 7 ของประเทศสหรัฐอเมริกา ตามมาตรฐานการคำนวณแรงลมและการตอบสนองของอาคาร ของกรมโยธาธิการและผังเมือง มยผ. 1311-50 ความเร็วลมอ้างอิงสำหรับอาคารที่ศึกษา คือค่าความเร็วลมเฉลี่ยในช่วงเวลา 1 ชั่วโมง ที่ความสูง 10 เมตรจากพื้นดิน ในสภาพภูมิประเทศโล่ง สำหรับคาบเวลากลับ 50 ปี มีค่าเท่ากับ 25 เมตรต่อวินาที และค่าประกอบไต้ฝุ่นมีค่าเท่ากับ 1.0 ดังนั้นความเร็วลมอ้างอิงที่ยอดอาคารสูงเทียบเท่า 71.60 ม. มีค่าเท่ากับ 21.63 เมตรต่อวินาที ในสภาพภูมิประเทศแบบเมืองใหญ่ ผลการศึกษาแรงลมเฉพาะที่สำหรับออกแบบผนังภายนอกอาคาร พบว่าหน่วยแรงดันสูงสุดโดยทั่วไปอยู่ในช่วง 250 ถึง 1,000 N/m2 (0.25 kPa to 1.00 kPa) และบางบริเวณอยู่ในช่วง 1,000 ถึง 1,250 (1.00 kPa to 1.25 kPa) หน่วยแรงดูดสูงสุดโดยทั่วไปอยู่ในช่วง 500 ถึง 1,000 N/m2 (0.50 kPa to 1.00 kPa) และบริเวณขอบผนังอยู่ในช่วง 1,250 ถึง 2,000 N/m2 (1.25 kPa to 2.00 kPa) นอกจากนี้พบว่าหน่วยแรงดันสูงสุดของอาคารเท่ากับ 1,180 N/m2 ที่ตำแหน่งจุดวัด I45 ที่ความสูง 60.23 ม. และหน่วยแรงดูดสูงสุดของอาคารเท่ากับ 1,914 N/m2 ที่ตำแหน่งจุดวัด F21 ที่ความสูง 37.99 ม. เมื่อเปรียบเทียบหน่วยแรงลมที่ได้จากผลการทดสอบกับมาตรฐาน ASCE 7 พบว่า 1. หน่วยแรงดันสูงสุดที่ได้จากผลการทดสอบโดยทั่วไป มีค่าสอดคล้องพอสมควร และบางบริเวณมีค่าสูงกว่าพอสมควร เมื่อเทียบกับค่าที่ได้จากมาตรฐาน ASCE 7 2. หน่วยแรงดูดสูงสุดที่ได้จากผลการทดสอบ โดยทั่วไป มีค่าสอดคล้องพอสมควร เมื่อเทียบกับค่าที่ได้จากมาตรฐาน ASCE 7 3. หน่วยแรงดูดสูงสุดที่ได้จากผลการทดสอบ บางตำแหน่ง รวมทั้งแถบขอบอาคาร มีค่าสูงกว่า พอสมควรถึงมาก เมื่อเทียบกับมาตรฐาน ASCE 7 ความแตกต่างของค่าที่ค่าได้จากผลการทดสอบและค่าจากมาตรฐาน ASCE 7 เกิดจากผลกระทบของอาคารข้างเคียง และรูปทรงของอาคาร ดังนั้นการศึกษาแรงลมของโครงการอาคารโดยการทดสอบในอุโมงค์ จึงมีความจำเป็น เพื่อให้ได้อาคารที่แข็งแรง ปลอดภัย ประหยัด และลดโอกาสที่จะเกิดความเสียหายจากผลของแรงลม |
|
แรงลม
อุโมงค์ลม |
|
บทความ | |
Text | |
application/pdf | |
eng | |
เอกสารฉบับนี้สงวนสิทธิ์โดยสำนักงานศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ห้ามทำซ้ำ คัดลอก หรือนำไปเผยแพร่ตัดต่อโดยมิได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร | |
สงวนสิทธิ์ในการเข้าถึงเฉพาะบุคลากรของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ | |
Siam Sindhorn Property Co., Ltd. | |
https://repository.turac.tu.ac.th/handle/6626133120/226 |
Files in this item (CONTENT) |
|
View no-fulltext.doc ( 21.50 KB ) |
This item appears in the following Collection(s) |
|
Collections
|