พัฒนาบทความวิชาการเพื่อเป็นเครื่องมือในการสื่อสารเชิงนโยบาย (Policy) และประชาสัมพันธ์ของ บสย.
by นพพร เรืองวานิช
พัฒนาบทความวิชาการเพื่อเป็นเครื่องมือในการสื่อสารเชิงนโยบาย (Policy) และประชาสัมพันธ์ของ บสย. | |
Development of Academic Article as a public policy communication tool for Thai Credit Guarantee Corporation (TCG) | |
นพพร เรืองวานิช | |
2563-07-09 | |
สำนักงานศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ | |
โครงการพัฒนาบทความวิชาการเพื่อเป็นเครื่องมือในการสื่อสารเชิงนโยบาย (Policy) และประชาสัมพันธ์ของ บสย. มีวัตถุประสงค์ในการดำเนินโครงการเพื่อศึกษาระบบกลไกการค้ำประกันของระบบการค้ำประกันทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศ เพื่อศึกษาข้อดี ข้อเสีย และผลกระทบทางเศรษฐกิจ เพื่อนำมาเป็นแนวทางในการพัฒนาระบบการค้ำประกันในประเทศไทยให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน โดยบทความวิจัยฉบับนี้ เริ่มต้นจากการศึกษาบทความเชิงวิชาการและทบทวนวรรณกรรม (Literature Review) ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการค้ำประกันสินเชื่อ เพื่อรวบรวมข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary Data) ที่เกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์ต่อการศึกษากระบวนการค้ำประกันสินเชื่อ และนำมาพัฒนาเป็นกรอบในการพัฒนาบทความวิชาการ โดยมีคำถามวิจัย (Research Question) คือ “ปัจจัยหรือกลไกแบบใดของระบบการค้ำประกันสินเชื่อที่เหมาะสมกับบริบทประเทศไทย” เพื่อตอบคำถามวิจัยข้างต้น คณะผู้จัดทำได้ทำการคัดเลือกประเทศที่จะนำมาศึกษาระบบการค้ำประกันสินเชื่อที่เหมาะสมกับบริบทประเทศไทย ผ่านเกณฑ์ 4 เกณฑ์ คือ 1.) ขนาดของการค้ำประกันต่อสินเชื่อทั้งหมด (Share of SMEs Loan Guarantees) 2.) การสร้างส่วนเพิ่มให้กับเศรษฐกิจ (Economic Additionality) 3.) ผลประโยชน์เงินกู้ส่วนเพิ่ม (Credit Additionality) 4.) ครอบคลุมการศึกษาในบริบทของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา โดยเปรียบเทียบข้อมูลต่าง ๆ ตามเกณฑ์ข้างต้นผ่านฐานข้อมูลของ องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ หรือ OECD และได้ผลลัพธ์จากการคัดเลือกทั้งหมด 5 ประเทศ ที่ประกอบไปด้วยประเทศพัฒนาแล้ว 4 ประเทศ และประเทศกำลังพัฒนา 1 ประเทศ รวม 5 ประเทศ ดังนี้ 1.) ประเทศเกาหลีใต้ 2.) ประเทศฮังการี 3.) ประเทศญี่ปุ่น 4.) ประเทศโปแลนด์ 5.) ประเทศตุรกี จากการศึกษาวิจัยในบริบทการค้ำประกันของกลุ่มประเทศดังกล่าว ทำให้เราเข้าใจถึงกลไกในการใช้โครงการค้ำประกันรูปแบบต่าง ๆ ตามสภาวะเศรษฐกิจของแต่ละประเทศในแต่ละช่วงเวลา ข้อดี ข้อเสีย และสิ่งที่ควรระมัดระวังในแต่ละรูปแบบโครงการ ซึ่งสามารถสรุปได้ว่าในบริบทที่ต้องการเร่งการเติบโตของเศรษฐกิจ ฟื้นฟูเศรษฐกิจในสภาวะที่สถานการณ์ทางเศรษฐกิจเริ่มมีเสถียรภาพ และสนับสนุนเฉพาะบางอุตสาหกรรม กลไกการค้ำประกันที่เหมาะสมคือโครงการค้ำประกันแบบรวมกลุ่ม (Portfolio Guarantee Scheme) แต่ก็ยังต้องระมัดระวังในเรื่องของความเสี่ยงและอัตราการผิดนัดชำระที่มากกว่า ในขณะที่บริบท ที่ต้องการตั้งรับทางเศรษฐกิจ ลดทอนผลประทบจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำและการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมถึงลดความเสี่ยงของโครงการค้ำประกันและอัตราการผิดนัดชำระ จะเหมาะสมกับโครงการค้ำประกันแบบรายบุคคล (Individual Guarantee Scheme) แต่มีข้อสังเกตว่าในปัจจุบัน โครงการค้ำประกันแบบรายบุคคล (Individual Guarantee Scheme) สามารถดำเนินการได้รวดเร็วขึ้น จนเกือบเทียบเท่ากับการค้ำประกันแบบรวมกลุ่ม (Portfolio Guarantee Scheme) ภายใต้ความเสี่ยงในการผิดนัดชำระในระดับเดิม จากการนำเทคโนโลยีดิจิทัล เข้ามาช่วยในกระบวนการประเมินเครดิต นอกจากนี้การศึกษาวิจัยยังทำให้เราเห็นถึงรูปแบบการให้บริการและการให้บริการส่วนเพิ่มที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของกิจการ SMEs ตลอดจนถึงรูปแบบการหารายได้ที่นอกเหนือจากการเก็บค่าธรรมเนียมในการค้ำประกัน เช่นการเก็บค่าสมาชิก เป็นต้น จากการศึกษาข้างต้น จึงทำให้ได้มาซึ่งข้อเสนอแนะในหลากหลายด้าน โดยเฉพาะกรอบแนวคิดในการให้บริการค้ำประกันโดยการปรับเปลี่ยนเส้นทางของลูกค้า (Disrupted Journey) ซึ่งเป็นแนวทางในการปรับเปลี่ยนเส้นทางในการเข้าถึงบริการของ บสย. จากเดิมที่อยู่ในช่วงปลายหลังจากที่สถาบันการเงินที่ให้สินเชื่อร้องขอสินทรัพย์ค้ำประกันเพิ่มเติม มาสู่ช่วงต้นของเส้นทางการขอสินเชื่อของกิจการ SMEs ซึ่งจะทำให้กิจการ SMEs มีตัวเลือกที่มากขึ้นและสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่มีต้นทุนต่ำที่สุดได้ ตลอดจนถึงรูปแบบการหารายได้ที่นอกเหนือจากการเก็บค่าธรรมเนียมในการค้ำประกันซึ่งจะมาจากการให้บริการส่วนเพิ่ม อาทิเช่น ค่าบริการในการประเมินเครดิต ค่าคอมมิชชั่นที่ได้จากสถาบันการเงินที่ให้สินเชื่อ ผ่านกระบวนการสำคัญคือ แพลตฟอร์มการให้บริการโดยอัตโนมัติ (Automate Platform) นอกเหนือจากนี้ คณะผู้จัดทำได้นำเสนอแนวทางในการประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ (Awareness) และสื่อสารเชิงนโยบายแก่ลูกค้าเป้าหมาย บสย. ภายใต้กรอบแนวคิดในการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ด้วยการย้ายตำแหน่งทางการตลาด (Brand Positioning) โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน อันได้แก่ ข้อเสนอแนะแนวทางการประชาสัมพันธ์ในเชิงวิชาการและนโยบาย ผ่านการทำให้ บสย. มีภาพลักษณ์เป็น “หมอหนี้” ที่คอยให้คำแนะนำ พาไปติดต่อกับสถาบันการเงินที่ให้สินเชื่อ และช่วยให้ผู้ที่มีความต้องการสินเชื่อสามารถเข้าถึงเงินทุนได้ตามวัตถุประสงค์ในต้นทุนที่เหมาะสมที่สุดด้วยแนวความคิดในการออกดัชนีทางเศรษฐกิจ และข้อเสนอแนะแนวทางกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความตระหนักรู้ในกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกิจการ SMEs ผ่านการทำความเข้าใจลูกค้าในแต่ละกลุ่ม (Customer Segment) เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลเชิงลึก (Insight) ตามพฤติกรรมของลูกค้าในแต่ละกลุ่ม แล้วจึงออกแบบ Key Message สำหรับลูกค้าแต่ละกลุ่มโดยเฉพาะ Development of Academic Article as a public policy communication tool for Thai Credit Guarantee Corporation (TCG) is the project Thai Credit Guarantee Corporation (TCG) to describe the efficiency, impact on economics scheme and to identify pros and cons of each guarantee system on both Thailand and international context and to construct the guideline to develop and enhance Thailand’s credit guarantee system to align with consumer needs. For the study process, this project start with literature review on paper, article, and publication related to process and dynamic of guarantee system as a secondary data to develop the framework for academic article on research question “Which guarantee system suit with Thailand context”. To answer this question, we use 4 criteria to choose the countries to review including; 1. Share of SMEs Loan Guarantee 2. Economic Additionality 3. Credit Additionality 4. Cover both developed and developing countries The results for countries selection as below; 1. Korea 2. Hungary 3. Japan 4. Poland 5. Turkey The results of the study has reveal the dynamic and economic impact of each credit guarantee system in various context. To be conclude the most suitable for Thai context in economic recession is individual guarantee scheme and for economic stability is portfolio guarantee scheme. However, it is noticeable that in present individual guarantee scheme process can be faster and equal to portfolio guarantee scheme enabler by technologies such as alternative credit scoring, automate platform. Furthermore, the researcher also suggests a communication guideline to build awareness and public policy communication strategies under the objective to shift TCG brand position from near-the-end of customer journey to at-the-first of customer journey. |
|
พัฒนาบทความวิชาการ
เครื่องมือสื่อสารเชิงนโยบาย บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) |
|
รายงานวิจัย | |
Text | |
application/pdf | |
tha | |
เอกสารฉบับนี้สงวนสิทธิ์โดยผู้ให้ทุน ห้ามทำซ้ำ คัดลอก หรือนำไปเผยแพร่ตัดต่อโดยมิได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร | |
บุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงเอกสารนี้ได้ | |
บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) | |
https://repository.turac.tu.ac.th/handle/6626133120/863 |
แฟ้มในรายการข้อมูลนี้ (CONTENT) |
|
ดู no fulltext.doc ( 21.50 KB ) |
This item appears in the following Collection(s) |
|
กลุ่มข้อมูล
|