จัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนด้วย Water footprint ในอุตสาหกรรมอาหารเพื่อการส่งออก ปี 2558
by ไพรัช อุศุภรัตน์; Usubharatana, Phairat
จัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนด้วย Water footprint ในอุตสาหกรรมอาหารเพื่อการส่งออก ปี 2558 | |
Sustainable Water Management for Thailand Exported Food Industries by Water Footprint Assessment | |
ไพรัช อุศุภรัตน์
Usubharatana, Phairat |
|
สำนักงานศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ | |
2015 | |
สำนักงานศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ | |
ประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมเป็นหัวข้อสำคัญที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับคุณภาพสินค้าและระบบการบริหารจัดการ โดยเฉพาะโลกที่อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์การค้าของ WTO สำหรับการใช้น้ำในภาคอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งมีแนวโน้มการใช้น้ำในปริมาณมาก เมื่อเทียบกับการผลิตจากอุตสาหกรรมประเภทอื่นๆ โดยการใช้น้ำอาจมาจากกิจกรรมต่างๆ อาจเป็นภาระต่อสิ่งแวดล้อมในรูปของน้ำเสียที่อุตสาหกรรมต้องทำการบำบัดให้ถูกต้องตามมาตรฐานที่กำหนดขึ้นก่อนปล่อยสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ ในปัจจุบันการศึกษาเกี่ยวกับร่องรอยการใช้น้ำ หรือ วอเตอร์ฟุตพริ้นท์จากการผลิตผลิตภัณฑ์ (water footprint of product) จึงเป็นโอกาสให้เกิดการวิเคราะห์ลักษณะของการใช้น้ำประเภทต่างๆ
ในระหว่างการผลิตเพื่อให้ผู้ประกอบการได้มีโอกาสปรับปรุงอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถใช้ตัวเลขดังกล่าวเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจบนเวทีการค้าระดับโลกได้ ทั้งนี้ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม และสถาบันอาหาร ได้มอบหมายให้คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นำโดยหัวหน้าคณะทำงานคือ ผศ.ดร.หาญพล พึ่งรัศมี ดำเนินการให้คำปรึกษาการประเมินวอเตอร์ฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ให้กับบริษัทที่เข้าร่วมโครงการฯ รวม 8 บริษัท โดยกิจกรรมการประเมินร่องรอยการใช้น้ำ มีวัตถุประสงค์หลัก 3 ประการ ได้แก่ ประการแรก การจัดทำวอเตอร์ฟุตพริ้นท์ ประการที่สอง เพื่อให้สถานประกอบการสามารถลดการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพอย่างน้อยร้อยละ 5 และประการสุดท้ายคือ เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับอุตสาหกรรมพัฒนาไปสู่อุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry) ระดับที่ 2: ปฏิบัติการสีเขียว (Green Activity) ขึ้นไป
สำหรับผลการประเมินระดับวอเตอร์ฟุตพริ้นท์ของอุตสาหกรรมอาหาร ทั้ง 8 บริษัท ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ ได้แก่ น้ำใบเตยหอมวุ้นมะพร้าว น้ำมะพร้าว ปอเปี๊ยะเป็ดแช่เยือกแข็ง น้ำมันรำข้าว อาหารสุนัขโต กะทิออแกนิกส์ ซอสหอยนางรม และปลาแมคเคอเรลในซอสมะเขือเทศ ได้สะท้อนให้เห็นถึงการใช้น้ำในกระบวนการผลิตภายในโรงงานในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งสาเหตุหลักของการใช้น้ำมักมาจากน้ำทางอ้อมที่ติดตัวมากับวัตถุดิบหลัก เนื่องจากในอุตสาหกรรมอาหารมักใช้วัตถุดิบทางการเกษตร และเป็นที่ทราบกันดีว่าผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรเป็นภาคส่วนที่มีการใช้น้ำเป็นจำนวนมาก ซึ่งวัตถุดิบเป็นปัจจัยที่ยากต่อการควบคุม แต่หากผู้ผลิตในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมมี Supplier ภายใต้การควบคุมดูแล ระดับวอเตอร์ฟุตพริ้นท์ของวัตถุดิบก็สามารถปรับปรุงและพัฒนาให้มีระดับวอเตอร์ฟุตพริ้นท์ต่ำลงได้ นอกจากนี้ ยังได้มีการจัดทำค่าอ้างอิงของผลิตภัณฑ์ปลาแมคเคอเรลในซอสมะเขือเทศ บรรจุกระป๋อง เพื่อเป็นกรณีศึกษาสำหรับการจัดทำค่าอ้างอิงในอนาคตต่อไป ในส่วนของการปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อลดการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพอย่างน้อย ร้อยละ 5 โดยภาพรวมทั้ง 8 บริษัท สามารถลดการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพเฉลี่ยในภาพรวมตามเป้าหมาย 7 บริษัท และไม่มากกว่าร้อยละ 5 1 บริษัท เนื่องจากการจัดการประสิทธิภาพการใช้น้ำของโรงงานเดิมนั้นได้มีระบบการจัดการที่ดีอยู่แล้ว มากไปกว่านั้น ทั้ง 8 บริษัท สามารถผลักดันให้บริษัทที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้รับการรับรองอุตสาหกรรมสีเขียว แบ่งเป็นอุตสาหกรรมสีเขียว ระดับที่ 2: ปฏิบัติการสีเขียว (Green Activity) 5 โรงงาน และอุตสาหกรรมสีเขียว ระดับที่ 3: ระบบสีเขียว (Green System) 3 โรงงาน |
|
ทรัพยากรน้ำ
Water footprint อุตสาหกรรมอาหาร |
|
บทความ | |
Text | |
application/pdf | |
tha | |
เอกสารฉบับนี้สงวนสิทธิ์โดยสำนักงานศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ห้ามทำซ้ำ คัดลอก หรือนำไปเผยแพร่ตัดต่อโดยมิได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร | |
สงวนสิทธิ์ในการเข้าถึงเฉพาะบุคลากรของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ | |
อุตสาหกรรมพัฒนามูลนิธิเพื่อสถาบันอาหาร | |
https://repository.turac.tu.ac.th/handle/6626133120/203 |
แฟ้มในรายการข้อมูลนี้ (CONTENT) |
|
ดู no-fulltext.doc ( 21.50 KB ) |
This item appears in the following Collection(s) |
|
กลุ่มข้อมูล
|