แนวทางการลดอัตราการตายและบาดเจ็บของการใช้รถจักรยานยนต์ด้วยการบูรณาการนวัตกรรมด้านความปลอดภัยทางถนน
by ภาวิณี เอี่ยมตระกูล
แนวทางการลดอัตราการตายและบาดเจ็บของการใช้รถจักรยานยนต์ด้วยการบูรณาการนวัตกรรมด้านความปลอดภัยทางถนน | |
Mortality and Injuries Reduction in Motorcycle Usage Through an Integrated Road Safety Innovations | |
ภาวิณี เอี่ยมตระกูล | |
2022-10-11 | |
สำนักงานศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ |
|
สำหรับประเทศไทยการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนอยู่ในอันดับที่ 9 ของโลก ซึ่งอุบัติเหตุทางถนนอยู่ในอันดับที่ 9 ของโลก ซึ่งอุบัติเหตุจราจรทางถนนถือเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย โดยเฉพาะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ ดังนั้นงานวิจัยนี้จึงมุ่งเน้นเสนอแนะแนวทางการลดอัตราการตายและบาดเจ็บของการใช้รถจักรยานยนต์ด้วยการบูรณาการนวัตกรรมด้านความปลอดภัยทางถนน โดยทำการรวบรวมข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์ทั้ง 3 ระดับ คือ
1) ระดับเมือง: รวบรวมข้อมูลสถิติอุบัติเหตุจากข้อมูล 3 ฐาน (จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (POLIS)) กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงสาธารณสุข (มรณบัตร) บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด (E-Claim) เพื่อนำเข้าสู่การวิเคราะห์จุดเสี่ยงด้วยการประยุกต์ใช้ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ (GIS) และวิเคราะห์เชิงสถิติผ่าน Moran’s I Statistics, Getis-Ord และ Kernel Density
2) ระดับย่าน: วิเคราะห์ข้อมูลจุดเสี่ยงโดยพิจารณาจากจำนวนผู้เสียชีวิต ในพื้นที่กริดขนาด 500*500 เมตร ร่วมกับข้อมูลสำรวจเชิงกายภาพของถนนและองค์ประกอบสภาพแวดล้อมของเมือง
3) ระดับพฤติกรรม: ทำการประเมินระดับความเสี่ยงด้วยการเทคนิควิเคราะห์ข้อมูลเชิงพฤติกรรมของผู้ขับขี่จากภาพกล้องวงจรปิด (Close Circuit Television: CCTV) โดยประยุกต์ใช้หลักการวิเคราะห์ปัญญาประดิษฐ์ด้วยการพิจารณา Object Detection
ผลการศึกษา พบว่า รูปแบบโครงข่ายทางถนนยังขาดความเหมาะสมสำหรับการสัญจรด้วยรถจักรยานยนต์ ซึ่งเมื่อพิจารณาผลการประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางถนนผ่านเทคนิคการศึกษาข้อมูลการสำรวจด้วยกล้องวงจรปิด พบว่า สัดส่วนการหลุดออกนอกเส้นจราจรส่วนใหญ่มีสัดส่วนอยู่ในกลุ่มระดับความรุนแรงต่ำถึงปานกลาง และเมื่อพิจารณาร่วมกับข้อมูลด้านพฤติกรรมเสี่ยงอื่นๆ สามารถจัดกลุ่มได้ 3 ลักษณะ ได้แก่ 1) การกลับรถผิดกฎจราจร 2) การขับขี่ย้อนศร 3) การขับขี่บนทางเท้า
ซึ่งแม้ว่าพฤติกรรมดังกล่าวเกิดจากความประมาทส่วนบุคคล แต่อย่างไรก็ตามเนื่องด้วยบริบทของสภาพแวดล้อมข้างทางที่ไม่เอื้อต่อความสะดวกในการขับขี่รถจักรยานยนต์ และส่งผลให้เกิดพฤติกรรมเสี่ยงในการกระทำผิดกฎจราจรเพื่อไปยังพื้นที่เป้าหมายใกล้เคียงแทนการใช้พื้นที่บริการตามวินัยจราจรที่เหมาะสม จากผลการศึกษานำไปสู่การเสนอแนวทางในการสร้างระบบความปลอดภัยทางถนนด้วยการบูรณาการนวัตกรรมในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีกล้องวงจรปิดเพื่อการจัดการความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางถนน โดยสรุปควรพิจารณา 4 องค์ประกอบ ดังนี้ คือ 1) ลักษณะของโครงข่ายทางถนน 2) องค์ประกอบทางด้านสภาพแวดล้อมเมือง 3) กลุ่มผู้ใช้รถใช้ถนน และ 4) การประเมินระดับความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุทางถนน ซึ่งความเข้าใจในแต่ละองค์ประกอบเชิงลึกนี้สามารถนำสู่การจัดกรความเสี่ยงเพื่อกำหนดแนวทางในการปรับปรุงจุดอันตรายในแต่ละโครงข่ายของกายภาพถนนให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันถือเป็นแนวทางเชิงรุกในการป้องกันและบรรเทาความเสี่ยงต่อกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ อันก่อให้เกิดประโยชน์อย่างยิ่งต่อการสร้างแผนในการลดจำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่สอดคล้องกับบริบทอย่างองค์รวมทั้งเชิงพื้นที่ทางกายภาพ และเชิงพฤติกรรมของผู้ใช้รถใช้ถนนเพื่อสร้างให้เกิดความยั่งยืนสำหรับการแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัยทางถนนของประเทศไทย |
|
ลดอัตราการตายและบาดเจ็บของการใช้รถจักรยานยนต์
ความปลอดภัยทางถนน |
|
รายงานวิจัย | |
Text | |
application/pdf | |
tha | |
เอกสารฉบับนี้สงวนสิทธิ์โดยผู้ให้ทุน ห้ามทำซ้ำ คัดลอก หรือนำไปเผยแพร่ตัดต่อโดยมิได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร | |
บุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงเอกสารนี้ได้ | |
สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ | |
https://repository.turac.tu.ac.th/handle/6626133120/1117 |
Files in this item (CONTENT) |
|
View No fulltext.docx ( 12.11 KB ) |
This item appears in the following Collection(s) |
|
Collections
|