พัฒนาผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสิ่งทอที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ประจำปีงบประมาณ 2557

Abstract

Industrial has been a major factor responsible for a considerable environmental disturbance owning to increasing use of resources and chemicals which leads to environment degradation, climate change, increasing global temperatures or Global Warming. Many nations, therefore, have become more aware and enthusiastic to reduce the causes of such issues and this has been triggered as a direct influential condition in international trades. Because of this, Thai entrepreneurs are driven to strengthen their competitiveness in this industry. Thailand Textile Institute has initiated The “Environmentally-friendly and Sustainable Textile Product Development” Campaign in year 2014 so as to enhance the competency of Thai textile entrepreneurs in developing eco-friendly and sustainable products to align with the trade regulations imposed by partner countries and to be a role model for Environmental Footprint and Sustainable Material Index. Consequently, Thailand Textile Institute has assigned the faculty of Engineering, Thammasat University and the leader of working group, Asst. Prof.Dr.Harnpon Phungrassami, to perform and give suggestion about Environmental Footprint to 6 manufacturers as follows; 1.Champ Kabin Co Ltd. Men Underwear (LITE Arrow) 2.Champ Ace Co Ltd. Polo Golf Shirt 3. Ban Chiang Carpets Co.,Ltd Wool Carpet 4. Vk Garment Co.,Ltd. Leg Jeans (SLIM FIT) 5. Outdoor Innovation Co.,Ltd Sleeping Bag (KARANA) 6. Alpha Processing Co., Ltd. Flame Retardant and Dyed Polyester Fabric Based on collective information from entrepreneurs and environmental accounting for product carbon footprint analysis initiated by the European Commission using Life Cycle Assessment, it can be concluded that the carbon footprint levels of underwear for men, hand woven wool rugs, jeans, sleeping bags and flame retardant polyester fabrics trigger mainly during raw material processing while that of short-sleeve golf shirts mainly occurs during use.

การพัฒนาอุตสาหกรรมตั้งแต่อดีตที่ผ่านมาก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการใช้ทรัพยากรและสารเคมีที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่งผลอย่างชัดเจนต่อโลกในปัจจุบัน ดังจะเห็นได้จากสิ่งแวดล้อมที่ถูกทำลาย สภาพภูมิอากาศของโลกเปลี่ยนแปลง อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มสูงขึ้น ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน (Global Warming) หลายประเทศจึงเกิดการตื่นตัวและตระหนักในการลดผลกระทบที่เกิดกับสิ่งแวดล้อม ประเด็นดังกล่าวมีผลโดยตรงต่อการค้าระหว่างประเทศ ด้วยปัจจัยผลักดันทางการตลาดดังกล่าวจึงต้องมีการเตรียมพร้อมให้กับผู้ประกอบการไทยให้เกิดการพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรม โดยสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ ได้จัดทำโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสิ่งทอที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ประจำปีงบประมาณ 2557 เพื่อพัฒนาผู้ประกอบการให้มีศักยภาพในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้เป็นไปตามระเบียบของประเทศคู่ค้าและเป็นต้นแบบในการจัดทำฟุตพริ้นท์สิ่งแวดล้อม (Environmental Footprint) และดัชนีความยั่งยืนของวัสดุ ทั้งนี้ สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ ได้มอบหมายให้คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ นำโดยหัวหน้าคณะทางานคือ ผศ.ดร. หาญพล พึ่งรัศมี ดำเนินการให้คำปรึกษาการจัดทำฟุต พริ้นท์สิ่งแวดล้อม (Environmental Footprint) และดัชนีความยั่งยืนของวัสดุของผลิตภัณฑ์ให้กับบริษัทที่เข้าร่วมโครงการฯ ที่อยู่ในความรับผิดชอบรวม 6 บริษัท ได้แก่ 1. บริษัท แชมป์กบินทร์ จำกัด ชุดชั้นในชาย 2. บริษัท แชมป์เอช จำกัด เสื้อโปโลกอล์ฟแขนสั้น 3. บริษัท บ้านเชียงคาร์เปท จำกัด พรมขนแกะทอมือ 4. บริษัท วีเคการ์เม้นท์ จำกัด กางเกงยีนส์ขายาว 5. บริษัท เอาท์ดอร์อินโนเวชั่น จำกัด ถุงนอน 6. บริษัท แอลฟ่าโปรเซสซิ่ง จำกัด ผ้าผืนพอลิเอสเทอร์หน่วงไฟสำเร็จรูป จากการให้คำปรึกษาและเก็บข้อมูล รายการบัญชีด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อวิเคราะห์ฟุตพริ้นท์สิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์ตามแนวทางของคณะกรรมาธิการยุโรป โดยได้ยึดหลักการประเมินวัฏจักรชีวิตผลิตภัณฑ์ (Life Cycle Assessment) สามารถสรุปได้ว่า ผลิตภัณฑ์ชุดชั้นในชาย พรมขนแกะทอมือ กางเกงยีนส์ขายาว ถุงนอนและผ้าผืนพอลิเอสเทอร์หน่วงไฟสำเร็จรูปมีผลกระทบของฟุตพริ้นท์สิ่งแวดล้อมส่วนใหญ่มาจากกิจกรรมการได้มาซึ่งวัตถุดิบเป็นหลัก ผลิตภัณฑ์เสื้อโปโลกอล์ฟแขนสั้นมีผลกระทบของฟุตพริ้นท์สิ่งแวดล้อมส่วนใหญ่มาจากกิจกรรมการการใช้งานเป็นหลัก