สาขาการพัฒนาเมือง
https://repository.turac.tu.ac.th/handle/6626133120/645
(Urban Development sector : UD)2024-03-28T13:00:50Zจ้างที่ปรึกษาศึกษาการใช้ประโยชน์พื้นที่เพื่อการปฏิบัติงานด้านทรัพยากรธรณีและเพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรธรณี
https://repository.turac.tu.ac.th/handle/6626133120/1135
จ้างที่ปรึกษาศึกษาการใช้ประโยชน์พื้นที่เพื่อการปฏิบัติงานด้านทรัพยากรธรณีและเพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรธรณี
กรกมล ตันติวนิช
รายละเอียดตามไฟล์แนบ
2022-11-09T00:00:00Zจัดทำผังแม่บทพัฒนาพื้นที่ การปรับปรุงภูมิทัศน์ และการออกแบบตลาดชุมชนบ้านร่ม
https://repository.turac.tu.ac.th/handle/6626133120/1093
จัดทำผังแม่บทพัฒนาพื้นที่ การปรับปรุงภูมิทัศน์ และการออกแบบตลาดชุมชนบ้านร่ม
พีรดร แก้วลาย
สืบเนื่องจากพื้นที่บริเวณชุมชนบ้านร่มเป็นพื้นที่ชุมชนที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาของชุมชนอย่างยาวนาน เป็นชุมชนที่มีศักยภาพในเชิงวัฒนธรรมในด้านอาหารและวัตถุดิบท้องถิ่น ประกอบกับทำเลที่ตั้งของชุมชนยังเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพสูง เป็นพื้นที่ที่อยู่ติดกับพื้นที่บริเวณริมแม่น้ำปัตตานีมีความสมบูรณ์ในเชิงของระบบนิเวศทางธรรมชาติ และเป็นพื้นที่ที่การกระจุกตัวของหน่วยงานภาครัฐ เหมาะแก่การเป็นพื้นที่สาธารณะของเมืองที่ผสมผสานระหว่างธรรมชาติ และวัฒนธรรมท้องถิ่น นอกจากนี้ชุมชนบ้านร่ม เป็นชุมชนดั้งเดิมที่อยู่คู่กับพื้นที่มาอย่างยาวนาน ทำให้ชุมชนมีความเข้มแข็งและมีความพร้อมในการพัฒนา ประกอบกับแนวทางในการดำเนินงานของทางเทศบาลนครยะลา ซึ่งต้องการให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาพื้นที่ของตนเอง เพื่อสร้างความหวงแหนและเชื่อมโยงกับการพัฒนา ด้วยเหตุนี้ ทางเทศบาลนครฯ จึงเล็งเห็นว่าชุมชนบ้านร่ม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทศบาลนครฯ มีความพร้อมและมีศักยภาพในหลากหลายด้าน ทั้งทำเลที่ตั้ง ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของชุมชน ความเข้มแข็งและความพร้อมในด้านโครงสร้างทางสังคมของชุมชน จึงเลือก (1) พื้นที่ท่าน้ำชุมชนบ้านร่ม (2) พื้นที่ต่อเนื่องบริเวณริมแม่น้ำปัตตานี และ (3)พื้นที่โรงเหล้าเก่าของกรมธนารักษ์ ในการเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญในการพัฒนาพื้นที่ โดยจัดทำทั้งผังแม่บทการพัฒนาพื้นที่ในภาพรวมและการออกแบบพื้นที่ยุทธศาสตร์ดังกล่าวทั้ง 3 แห่ง การจัดทำผังแม่บทพัฒนาพื้นที่ การปรับปรุงภูมิทัศน์ และการออกแบบตลาดชุมชนบ้านร่ม เป็นแนวคิดการออกแบบที่มุ่งเน้นการมองหาต้นเหตุที่แท้จริงของปัญหาหรือประเด็นเฉพาะในพื้นที่ นำไปสู่การพัฒนาแนวคิดใหม่ ๆ ที่มีความสร้างสรรค์เพื่อการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินทรัพย์ในพื้นที่ รวมถึงการสร้างต้นแบบเพื่อทดสอบแนวคิดก่อนที่จะนำไปปฏิบัติจริง โดยเป็นการนำเอากระบวนการคิดเชิงออกแบบ มาบูรณาการให้เป็นเครื่องมือที่มีความเหมาะสมในการนำมาใช้เพื่อพัฒนาพื้นที่ เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนกันในวงกว้าง และเกิดความเป็นเจ้าของ พื้นที่สาธารณะที่ประสบความสำเร็จ มักมีการสร้างการมีส่วนร่วมในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การประชุมกลุ่ม การจัดกิจกรรมเชิงปฏิบัติการร่วมรังสรรค์ (co-creation) การสร้างกลุ่มและเครือข่าย การจัดตั้งคณะทำงาน เพื่อทำให้เกิดการรับรู้ถึงโครงการในวงกว้างและเกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากผู้ที่มีความเชี่ยวชาญที่หลากหลาย การสร้างการมีส่วนร่วมกับคนทุกช่วงวัยก็มีความสำคัญเช่นกัน เพราะทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนมุมมองของคนต่างยุคสมัย ผลการออกแบบอย่างมีส่วนร่วมพบว่า พื้นที่ที่มีศักยภาพในการพัฒนาเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์นำร่องที่มีความพร้อมในการพัฒนาเป็นพื้นที่แรกคือ พื้นที่ตลาดท่าน้ำชุมชนบ้านร่ม โดยมีข้อสรุปการออกแบบพื้นที่ตลาดบ้านร่มดังนี้ จากข้อสรุปการทดลองจัดตลาดท่าร่มได้สรุปรายละเอียดการออกแบบของพื้นที่ตลาดบ้านร่มออกเป็น 4 พื้นที่ประกอบไปด้วย • พื้นที่ลานบ้านร่ม (Zone 1) ประกอบไปด้วย การจัดทำหลังคาสำหรับจัดตั้งร้านค้าพื้นที่จัดตลาดบริเวณลานบ้านร่มและพื้นที่ศาลาบ้านร่ม • พื้นที่ท่าน้ำบ้านร่ม (Zone 2) ประกอบไปด้วย ท่าน้ำบ้านร่มและพื้นที่ทางลงริมน้ำ บันได ทางลงชานริมน้ำ
• ทางเดินป่าชุมชน (Zone 3) ประกอบด้วย Cover Walkway สำหรับทางเดินริมสันเขื่อน Cover Walkway ที่สามารถตกแต่งเป็นซุ้ม สูง 6 เมตร และ Cover Walkway ที่สามารถตกแต่งเป็นซุ้ม สูง 8 เมตร • พื้นที่บริการและสนับสนุน (Zone 4) ประกอบไปด้วย พื้นที่ห้องน้ำและการก่อสร้างทางเท้าสำหรับการเข้าถึงห้องน้ำ การมีส่วนร่วมกับโครงการทำให้เกิดความรู้สึกเป็นเจ้าของ ส่งผลให้ผู้ที่เข้ามามีส่วนร่วมกลายเป็นตัวแทนของโครงการ ทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์โครงการ เป็นเครือข่ายคอยช่วยเหลือให้การสนับสนุน ต่อยอดและสืบทอดแนวคิด หรือแม้กระทั่งเป็นหนึ่งในคณะทำงาน Banrom community, Yala Province has a long history and potential in culinary culture using local ingredients. The location of Banrom Community also has distinct quality in adjacency with Pattani river with rich environmental ecosystem together with a clusters of government offices. The area could potentially be one of the city’s new public spaces with mixes of nature and local culture. In addition, Banrom Community has its origin at this location for a long period of time, which makes this community strong and ready for development that comply with Yala Municipality administrative approach which emphasizes participatory process in community development. Therefore, the Yala Municipality has acknowledge Banrom as one of the most equipped community with full of potentials such as location, history, community culture, strength and readiness in community social structure and decided to select 3 areas for development; 1) Banrom Community Pier, 2) Pattani River’s riverfront, and 3) Old Brewery Building own by the Treasury Department, Ministry of Finance to be strategic locations through the master planning and design process of these 3 locations. The Master Planning, Landscape Improvement, and Design of Banrom Community Market uses design tools that unravel complex relationships, searching for the origin of problems or the specific issues of the area. This would lead to the forming of new concepts of value-creation from local assets as well as prototyping the ideas prior to put into the implementation. Through the use of design thinking process and tools in participatory design process, this will create an exchange platform among stakeholders and a sense of ownership. The success of public space often use various forms of participatory processes such as creating coalition, introducing co-creation process, forming of new working group/task force and networking, and appointing a committee which can create awareness among participants and experts. An engagement of various age groups is crucial as it opens up a dialog between generations. The result of a participatory design process and prototyping of community market and public spaces discovered that the location that has the most potential to develop is the Banrom Community Pier and has 4 design areas as follows:
1.) Banrom Community Plaza (Zone 1) The design of new additional roof around existing sala to accommodate future community market. 2.) Banrom Pier (Zone 2) The re-design of waterfront steps and access. 3.) Community Forest Walk (Zone 3) The design of new covered walkway along existing river wall. There are 2 areas of new cover walkway which have 6 and 8 meters height that can be decorated as entrance gateway. 4.) Service and Support Areas (Zone 4) The designated area of toilet and sidewalk. The participatory process of this project creates a sense of ownership among stakeholders who become the representative and spoke person of the project and create a network that will become part of the future working group.
2565-07-22T00:00:00Zหน่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อสังคม ประจำพื้นที่ภาคกลาง ปีงบประมาณ 2564
https://repository.turac.tu.ac.th/handle/6626133120/1050
หน่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อสังคม ประจำพื้นที่ภาคกลาง ปีงบประมาณ 2564
กนกวรา พวงประยงค์; สานิตย์ หนูนิล; วีรบูรณ์ วิสารทสกุล
โครงการหน่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อสังคม ประจำพื้นที่ภาคกลาง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาบริบทชุมชน สถานการณ์ปัญหา และศักยภาพของชุมชนพื้นที่เป้าหมายในเขตภาคกลาง บ่มเพาะและส่งเสริมผู้ประกอบการธุรกิจเชิงนวัตกรรมให้สามารถต่อยอดผลงานนวัตกรรมเพื่อสังคมและนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงกับกลุ่มเป้าหมาย ตลอดจนสร้างเครือข่ายระบบนิเวศนวัตกรรมเพื่อสังคมและเสนอแนะแนวทางในการพัฒนาองค์กรธุรกิจและวิสาหกิจเพื่อสังคมสำหรับการแก้ไขปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมในชุมชนเป้าหมายได้อย่างเป็นระบบ โดยใช้วิธีการดำเนินงานผ่านกระบวนการบ่มเพาะให้คำปรึกษาและสนับสนุนการพัฒนาแนวคิดผลงานนวัตกรรมเพื่อสังคมไปสู่ต้นแบบหรือโครงการนวัตกรรมนำร่องเชิงพื้นที่ที่สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตและยกระดับเศรษฐกิจฐานราก ผลการดำเนินงานภายใต้โครงการดังกล่าว สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี โดยมีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการ จำนวน 50 ราย มีผลงานนวัตกรรมเพื่อสังคมที่ได้รับการสนับสนุนการพัฒนาผลงานนวัตกรรมเพื่อสังคม รวมทั้งสิ้น 12 ผลงาน ในพื้นที่นำร่อง 6 จังหวัดในเขตภาคกลาง ได้แก่ จังหวัดชัยนาท จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดราชบุรี จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดปทุมธานี และกรุงเทพมหานคร โดยมีผู้ได้รับประโยชน์รวมทั้งสิ้น 369 คน ใน19 ชุมชนพื้นที่เป้าหมาย A social innovation driving unit project (central area) was created to study community contexts as well as identify situational issues and potential target communities in the central region. In addition, the goal was to promote innovative entrepreneurial use and expansion of societal and target community contributions. The project also aimed to construct social innovation ecosystems and provide guidance for developing social innovators and social startup enterprises for systematic resolution of social and environmental problems for the target community. Incubation techniques were used by a consultation process to support development concepts positively impacting society to upgrade the target community quality of life and grassroots economy. Results were highly positive. Fifty entrepreneurs participated in the incubation training program. Twelve social innovation projects were selected and supported in six provinces: Chai Nat, Suphan Buri, Ratchaburi, Phetchaburi, Pathum Thani, and Bangkok. There were 369 beneficiaries in 19 targeted communities.
2565-01-18T00:00:00Zการพัฒนาชุมชนเศรษฐกิจหมุนเวียนเชิงบูรณาการด้วยนวัตกรรมการเชื่อมต่อระบบขนส่งทางน้ำ
https://repository.turac.tu.ac.th/handle/6626133120/1032
การพัฒนาชุมชนเศรษฐกิจหมุนเวียนเชิงบูรณาการด้วยนวัตกรรมการเชื่อมต่อระบบขนส่งทางน้ำ
ภาวิณี เอี่ยมตระกูล
โครงการการพัฒนาชุมชนเศรษฐกิจหมุนเวียนเชิงบูรณาการด้วยนวัตกรรมการเชื่อมต่อระบบขนส่งทางน้ำมีวัตถุประสงค์ในการดำเนินการศึกษาเพื่อต่อยอดองค์ความรู้สู่การพัฒนาพื้นที่ด้วยการสร้างรูปแบบกาบริหารจัดการระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนภายในชุมชนเชิงบูรณาการด้านการท่องเที่ยวและวิเคราะห์ความเป็นไปได้ในการพัฒนาเชิงบูรณาการของระบบกิจกรรมชุมชนกับการสร้างการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวกับชุมชนผู้มีรายได้น้อย งานวิจัยนี้ได้ทำการประยุกต์ใช้การวิจัยเชิงสำรวจ (Survey research) โดยใช้ระเบียบของการวิจัยในเชิงพรรณนา (Descriptive Statistics) และสถิติเชิงวิเคราะห์ (Analytical Statistics) โดยมุ่งศึกษาในพื้นที่ชุมชนริมคลองลาดพร้าวเพื่อทำการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยการสนทนากลุ่มกับประธานชุมชนและลูกบ้านของกลุ่มตัวอย่าง และเก็บข้อมูลแบบสอบถามจำนวน 400 ชุด เพื่อนำสู่การวิเคราะห์และเสนอแนะรูปแบบการพัฒนาชุมชนผู้มีรายได้น้อยบนพื้นฐานของการบูรณาการพัฒนาเชิงนวัตกรรมด้านการท่องเที่ยวด้วยการแบ่งปันผลประโยชน์ในชุมชนงานวิจัยได้กำหนดกรอบการวิจัย ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ 1) Ecosystem analysis คือ การถอดองค์ความรู้เพื่อการต่อยอดในการศึกษาวิจัยพร้อมกับการวิเคราะห์ศักยภาพของชุมชนเพื่อนำไปสู่การถ่ายทอดรูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน โดยพิจารณาทุนทรัพยากรในพื้นที่ชุมชน 2) Stakeholder mapping คือ การพิจารณาประเด็นการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในกลุ่มต่าง ๆ และประยุกต์ใช้เครื่องมือการประเมินตนเองเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินกิจกรรมร่วมกับการศึกษาระบบของชุมชน 3) Profit making คือ การถ่ายทอดองค์ความรู้ที่ปรับปรุงและพัฒนาขึ้นให้มีความสอดคล้องต่อความต้องการของประชาชนในชุมชน ซึ่งผลการศึกษาสามารถสรุปได้ว่า ปัญหาหลักสำคัญ คือ บริบทพื้นที่มีผลต่อกำลังการผลิตและการเข้าถึง และอีกประเด็นที่สำคัญ คือ องค์ความรู้ในการพัฒนาธุรกิจชุมชนโดยเฉพาะการหาตลาดรองรับ ดังนั้นจึงควรมีแนวทางในการปรับกลยุทธ์และรูปแบบของกิจกรรมที่เหมาะสมกับพื้นที่พร้อมทั้งหาเครือข่ายเพื่อช่วยเสริมทักษะ องค์ความรู้ กระจายผลผลิตหรือผลิตภัณฑ์รวมไปถึงการดึงทรัพยากรในชุมชนมาใช้ให้เกิดความเหมาะสมและก่อประโยชน์ ดังนั้นแนวทางการพัฒนาชุมชนด้วยการสร้างรูปแบบการบริหารจัดการระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนภายในชุมชนโดยมีชุมชนริมคลองเป็นตัวแบบของการใช้ต้นทุนเชิงพื้นที่ในการสนับสนุนการขนส่งทางน้ำนี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการผลักดันเชิงธุรกิจเมื่อมีการปรับปรุงและพัฒนาสภาพแวดล้อมของคลอง ซึ่งสามารถนำศักยภาพดังกล่าวเป็นแกนหลักในการเชื่อมโยงกิจกรรมธุรกิจในระดับอื่น ๆ (ตั้งแต่ระดับครัวเรือน ชุมชน และย่าน) อาทิ การส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน การจัดการขยะ การปลูกพืชผักสวนครัวเพื่อสร้างรายได้ชุมชน อย่างไรก็ตามข้อเสนอแนะอันเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาและการพัฒนาชุมชนเศรษฐกิจหมุนเวียนจากพื้นที่ต้นแบบนี้ สามารถนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมในพื้นที่อื่น ๆ ได้โดยพิจารณาจากทุนทางทรัพยากรของชุมชนเป็นหลักเพื่อสร้างชุดทางเลือกที่ในการส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนให้ผลลัพธ์ในการตอบโจทย์ และสร้างความสามารถในการแลกเปลี่ยนและแบ่งปันภายในเครือข่ายชุมชน An integrated development of circular village towards innovative connectivity of water transport system aims to highlight knowledge gained from the projects of Hybrid Canals-Rail Connectivity: Linking Bangkok’s Canals Networks to Mass Rapid Transit Lines 2014 - 2015 and the Development of Community-Owned Canal Transit System, Boat Piers and Vicinity 2016 – 2017 under Thammasat University and supported by the Rockefeller foundation. This research was conducted by focusing on creating a circular economy management model based on integration of local tourism development concept and analyzing the potential needs of low-income neighborhoods. Therefore, this research applied the survey research through participatory approach by using descriptive statistics and analytical statistics to pinpoint concrete connections between canal communities with potential economic activities of Ladphrao canal. The research framework consists of 3 parts: 1) Ecosystem analysis: The contributing factors among all aspects of community was analyzed to stimulate the process of community involvement in a business model by leveraging the existing networks to meet the needs and potential of the community. 2) Stakeholder mapping: The strength of the community must be identified for creating co-development with other sectors for improving the quality of living along with economic development within the community. 3) Profit making: By apply self-assessment tools for sustainable local development, the gap of knowledge and skill requirement were explored and created as informal knowledge sharing platform. The results of research demonstrated that the canal community has the potential to develop based on a circular economy model due to the available of local activities existed in the area. However, in order to promote community tourism, it is necessary to improve the current infrastructure system, additionally a partnership model for providing knowledge-based support from relevant agencies must be involved towards sustainable community-based development. The main mechanism should be focused on self-reliance of the business model options ranged from individual scale, community scale and district scale. Finally, the preservation of natural resources, local life and culture within the scope of limited resources must be carried out within the capacity and limitations of the community and society for sustainability.
2564-11-17T00:00:00Z